International Maritime Organization (IMO) ได้จัดสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Code) เพื่อจุดประสงค์ในการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลให้ทราบว่าเป็นวัตถุอันตราย ประเภทใด แบ่งออกเป็น 9 ประเภทและมีฉลากหรือสัญลักษณ์ของวัตถุอันตรายดังนี้
ประเภทที่ 1 วัตถุระเบิด (Explosives)
เป็น วัตถุที่สามารถระเบิดได้ เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อเกิดการเสียดสี กระทบกระเทือน หรือถูกกระทำโดยตัวจุดระเบิด แยกเป็น 5 ประเภทย่อย คือ
1.1 วัตถุหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.2 วัตถุหรือสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายโดยการกระจายของสะเก็ดระเบิดแต่มิใช่โดยระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.3 วัตถุหรือสิ่งของที่อาจก่ออันตรายโดยเปลวไฟพร้อมกับอันตรายจากการระเบิดบ้างเล็กน้อย แต่มิใช่จากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.4 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ก่ออันตรายมากนักอาจติดไฟได้หรือประทุได้ในระหว่างการขนส่ง
1.5 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ไวต่อการระเบิด จนโอกาสที่จะระเบิดนั้นมีน้อย หรือการเปลี่ยนขั้นจากการลุกไหม้เป็นการจุดระเบิดมีน้อยในขั้นการขนส่งปกติ แต่ถ้ามีการขนส่งเป็นจำนวนมากก็ทำให้การไหม้นั้น นำไปสู่การระเบิดได้
1.6 วัตถุซึ่งไม่ไวเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดอันตรายโดยการระเบิด โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือการกระจายของวัตถุมีน้อยมาก
ตัวอย่าง เช่น ดินปืน, กระสุนปืน, ลูกระเบิด, Nitrocellulose, Liquid Nitroglycerine, Dynamite, Ammonium dichromate, Ammonium nitrate ที่มีส่วนผสมของวัตถุที่เผาไหม้ได้เกิน 0.2% (UN.0222, 0223)
ประเภทที่ 2 ก๊าซ (Gases)
เป็น วัตถุที่อยู่ในสภาพก๊าซอัดภายใต้ความดัน หรือ ก๊าซที่ผสมกับตัวทำละลาย (solvent) ที่อัดภายใต้ความดัน ซึ่งอาจมีคุณสมบัติอื่นที่เป็นอันตรายด้วย เช่น ไวไฟ เป็นก๊าซพิษ เป็นก๊าซที่ช่วยในการเผาไหม้ หรือเป็นก๊าซที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบางชนิดเป็นก๊าซเฉื่อย บางชนิดสามารถทำให้ผู้ที่สูดดมเกิดอาการง่วงซึม และบางชนิดเมื่อเผาไหม้จะทำให้เกิดพิษสูงขึ้น ก๊าซทุกชนิดที่หนักกว่าอากาศหากปล่อยให้สะสมอยู่ในบริเวณที่ต่ำจะมีอันตราย สูง เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและขนส่งให้เกิดความปลอดภัย จึงได้มีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ
2.1 ก๊าซไวไฟ (Flammable gases) เป็นก๊าซที่ติดไฟได้ง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ ก๊าซประเภทนี้ได้แก่ Acetylene, Bromotrifluoroethylene, Butadienes, Cychlobuthane, 1.1-Difluoroethylene, Dimethyl ether, Ethane, Ethylamine, Ethyl chloride, Ethyl fluoride, Ethylene, Hydrogen, Methane, Butane เป็นต้น
2.2 ก๊าซไม่ติดไฟไม่เป็นพิษ ภายใต้ความดัน (Non-flammable, Non-toxic gases) เป็นก๊าซที่อาจเกิดการระเบิดได้หากถูกกระแทกอย่างแรง ตัวอย่าง เช่น อากาศภายใต้แรงดัน (Air compressed), Argon, Carbon dioxide, Chlorodifluoromethane, Chloropentafluoroethane, Dichlorodifluoromethane, Ammonia solution ความหนาแน่นน้อยกว่า 0.880 ที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ในน้ำ (35%-50%Ammonia) สำหรับก๊าซออกซิเจน (ชนิด compressed) และก๊าซออกซิเจน (refrigeratedliquid) มีคุณสมบัติที่เป็นวัตถุออกซิไดซ์ด้วย ดังนั้นจึงมีสัญลักษณ์บนฉลากเป็นประเภท 2.2 และ 5.1
2.3 ก๊าซพิษ (Toxic gases) เป็นก๊าซที่เมื่อสูดดม หรือหายใจเข้าไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ก๊าซพิษหลายชนิดมีคุณสมบัติที่เป็นอันตรายได้หลายอย่าง ดังนั้นหีบห่อหรือภาชนะบรรจุจะมีฉลากระบุเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ความเป็น อันตรายรองอื่นๆ เพิ่มเติมไว้ด้วยเช่น คุณสมบัติเป็นก๊าซพิษและกัดกร่อน ก็จะเป็นดังรูปตัวอย่าง
ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (Flammable liquids)
เป็น ของเหลว หรือของเหลวผสมหรือของเหลวที่มีสารแขวนลอยผสมอยู่ เช่น สี แลคเกอร์ วานิช เป็นต้น ของเหลวเหล่านี้จะให้ไอระเหยที่ไวไฟสามารถติดไฟได้ที่อุณหภูมิ 61 องศาเซลเซียส (141° F ) c.c.* หรือที่อุณหภูมิต่ำกว่า แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
3.1 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส (0° F) c.c.* ได้แก่ กาว (Adhesives) ที่มีของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำผสม, Allyl chloride, Amyl nitrate, Hexane, Methyl formate, Chlorobuthanes, Cychlohexene, Diethylamine, Diethyl ether เป็นต้น
3.2 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟปานกลาง ระหว่าง -18 องศาเซลเซียส (0° F) c.c.* ถึง 23 องศาเซลเซียส c.c.* เช่น กาว (Adhesives) ที่มีจุดวาบไฟปานกลางผสม, Acetone oil, Allyl acetate, Allyl alcohol, Allyl bromide, Isobutyl acetate, Benzene, 2-bromobutane เป็นต้น
3.3 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟสูง โดยมีจุดวาบไฟ 23 องศาเซลเซียส (73° F) c.c.* ถึง 61 องศาเซลเซียส (141° F) c.c.* เช่น Bromobenzene, Buthyl acetate, Chlorobenzene, Cyclohexylamine, Styrene monomer, Ethyl alcohol, Solvent, Xylene เป็นต้น
* หมายเหตุ* : c.c.* = CLOSED CUP
ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ สารที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง และสารที่สัมผัสกับน้ำแล้วทำให้เกิดก๊าซไวไฟ (Flammable Solids, Substances Liable to spontaneous combustion, Substances whice in contact with water emit flammable gases) วัตถุที่จัดไว้ในประเภทนี้ เป็นวัตถุที่เป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอัคคีภัยได้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ
4.1 ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids) ของแข็งประเภทนี้ติดไฟได้ง่าย เป็นอันตรายเมื่ออยู่ใกล้กับแหล่งที่ทำให้เกิดการติดไฟ ได้แก่ บริเวณที่มีประกายไฟและเปลวไฟทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ หากมีการเสียดสี ก็สามารถทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เช่น ไม้ขีดไฟ, การบูน (Camphor), Celluloid, ผงกำมะถัน, Phosphorus trisulfide, Hexamethylenetetramine, เศษยาง ชิ้นส่วนเล็กๆ ของยาง ลักษณะเป็นเม็ด หรือผงผงอลูมิเนียม (ชนิดเคลือบ) เป็นต้น
4.2 วัตถุที่อาจจะลุกไหม้ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) เป็นของแข็งที่สามารถให้ความร้อนและลุกไหม้ได้เอง หรือให้ความร้อนสูงเมื่อสัมผัสกับอากาศทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ เช่น Aluminum alkyl, Activated carbon, Carbon black, Potassium hydrosulfite (anhydrous), Sodium sulfide (anhydrous), ผงอลูมิเนียม (ชนิดpyrophoric) เป็นต้น
4.3 วัตถุที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟ (Substances whice in contact with water emit flammablegases) วัตถุนี้เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟในปริมาณที่เป็นอันตราย ในบางกรณีก๊าซนี้สามารถจุดติดไฟได้เอง เช่น โลหะผสม (Alkali-earth metal), Aluminum carbide, Barium, Calcium, Calcium silicide, Phosphorus pentasulphide (ชนิดปราศจากฟอสฟอรัสขาวหรือเหลือง) จะใช้สัญลักษณ์ประเภท 4.3 และ 4.1
หมายเหตุ : วัตถุที่เป็น ชนิด pyrophoric เช่น ของแข็งหรือของเหลวใดๆ ที่สามารถจุดติดไฟได้เองในบรรยากาศที่มีอุณหภูมิประมาณ 54.4 องศาเซลเซียส
ประเภทที่ 5 วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and Organic peroxides) แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ
5.1 วัตถุออกซิไดซ์ (Oxidizing substances) หมายถึงวัตถุที่สามารถให้ออกซิเจนออกมาโดยที่วัตถุนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดการ เผาไหม้หรือเป็นวัตถุที่ทำให้เกิดขบวนการ oxidationในลักษณะที่คล้ายกันทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ต่อวัตถุ อื่นที่วางไว้ใกล้เคียง และมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เช่น Aluminum nitrate, Ammonium nitrate ชนิด A (UN 2067, 2068, 2059, 2070, 2426), ผงฟอกขาว (Bleaching powder), Calcium chlorate, Calcium chloride, Calcium hypochloride (solid), Calcium hypochloride (solution), Chromic nitrate, Chromium nitrate, Hydrogen peroxide solution 8-20%, Sodium nitrate เป็นต้น
วัตถุออกซิไดซ์บางชนิดมีคุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆ ด้วยเช่น Barium chlorate, Barium bromate, Barium nitrate, Chromium trioxide (anhydrous), Lead chlorate, Bromine pentafluoride, Bromine trifluoride
5.2 วัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic peroxides) เป็นวัตถุอินทรีย์ที่มีโครงสร้างออกซิเจน 2 ตัว และอาจถือได้ว่าเป็นอนุพันธ์ของ Hydrogen peroxide ซึ่งอะตอมของ Hydrogen 1 หรือทั้ง 2 อะตอม ถูกแทนที่ด้วย อนุมูลของสารอินทรีย์ วัตถุนี้ไม่เสถียรสามารถสลายตัวให้ความร้อนรวดเร็วได้ด้วยตัวเองและอาจมี คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
- แนวโน้มที่จะระเบิดสลายตัว
- เผาไหม้อย่างรวดเร็ว
- ไวต่อการกระแทก หรือการเสียดสี
- ทำปฏิกิริยากับสารอื่นก่อให้เกิดอันตรายได้
- เป็นอันตรายต่อตา
การที่วัตถุ Organic peroxides มีแนวโน้มที่จะให้ความร้อนออกมาในขณะทีอุณหภูมิในขณะนั้นปกติหรือในขณะที่ ได้รับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้น การสลายตัวสามารถเกิดจากความร้อน การสัมผัสกับสิ่งสกปรก (เช่น มีการเจือปนของกรด, สารประกอบโลหะหนักหรือพวก amine) เกิดจากการเสียดสี หรือการกระแทก การสลายตัวนี้นำไปสู่อันตราย หรือการไวไฟมีก๊าซหรือไอระเหยต่างๆ ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมในขณะขนส่ง การทำให้เจือจางด้วยตัวทำละลายที่เหมาะสม ตลอดจนควบคุมในเรื่องบรรจุภัณฑ์หีบห่อที่เหมาะสมอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้วัตถุนี้สัมผัสถูกตา เนื่องจากบางชนิดจะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อแก้วตา และกัดเนื้อเยื่อตาและผิวหนังได้
ตัวอย่างวัตถุประเภทนี้ได้แก่ Methyl Ethyl Ketone Peroxide, Cyclohexanone Peroxide, Methyl Isobutyl Ketone Peroxide, Asenyl acetone Peroxide เป็นต้น
ประเภทที่ 6 วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (Toxic and Infectious Substances)
แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ
6.1 วัตถุมีพิษ (Toxic Sustances) วัตถุเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตหรือทำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงเมื่อ เข้าสู่ร่างกายโดยสัมผัสกับผิวหนัง หรือหายใจ หรือกลืนกินเข้าไป วัตถุมีพิษเกือบทุกชนิดจะให้ก๊าซพิษ เมื่อถูกเผาไหม้หรือได้รับความร้อนก็เกิดการสลายตัวและบางชนิดนั้นนอกจากจะ มีพิษแล้ว ยังมีคุณสมบัติ ที่เป็นอันตรายอื่นๆอีกด้วย ตัวอย่าง Arsenic, Arsenic trioxide, Arsenic trichloride, Arsenic tribromide, Barium cyanide, Chloronitrobenzene, Potassium cyanide, Dichloromethane, Barium chloride, Copper cyanide, Sodium cyanide, Sodiumsilicofluoride, Aniline
6.2 วัตถุติดเชื้อ (Infectious Substances ) เป็นวัตถุที่มีเชื้อจุลินทรีย์ (Micro organism) อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์และสัตว์ โดยมีข้อสังเกต 2 ประการคือ
ประการ ที่ 1 จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมแล้วไม่เป็นไปตามคำ จำกัดความของวัตถุประเภท 6.2 ควรจะจัดให้อยู่ในประเภทที่ 9
ประการที่ 2 พิษของจุลินทรีย์ (Toxins) ที่ไม่เป็น หรือมีสารติดเชื้อควรพิจารณาให้อยู่ในประเภท 6.1 กำหนดตาม UN. 3172 ซึ่งเป็น Toxin ที่สกัดจากสิ่งมีชีวิต
ประเภทที่ 7 วัตถุกัมมันตรังสี (Radioactive material)
หมาย ถึง วัตถุที่สลายตัวแล้วให้รังสีออกมามากกว่า 0.002 ไมโครคิวรีต่อ น้ำหนักของวัตถุนั้น 1 กรัม หรือ 70 k Bq/kg. รังสีนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเราสามารถรับรังสีได้ทั้งภายในและภายนอกร่าง กาย เช่น เมื่ออยู่ในบริเวณที่ใกล้วัตถุกัมมันตรังสีและได้สัมผัสกับรังสีที่ออกมา หรือการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนของสารรังสีเข้าไป คุณสมบัติของวัตถุกัมมันตรังสีมี 2 ลักษณะ คือ
- ให้ความร้อนและทำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรง
- สามารถแตกตัวให้ไอโซโทป เช่น พลูโตเนียม-238, พลูโตเนียม-239, พลูโตเนียม-241, ยูเรเนียม-233, ยูเรเนียม-235 หรือวัตถุใดๆที่มีสารไอโซโทปเหล่านี้อยู่ จัดเป็นวัตถุกัมมันตรังสี เช่น เรเดียม, ยูเรเนียม เป็นต้น
ประเภทที่ 8 วัตถุกัดกร่อน (Corrosives Substances)
เป็น วัตถุที่มีคุณสมบัติโดยทั่วไปแล้วสามารถทำลายเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตได้ ทั้งที่ให้ความรุนแรงและไม่มีความรุนแรง ดังนั้นวัตถุในประเภท 8 หากรั่วไหลออกจากภาชนะบรรจุ อาจทำลายสินค้าหรือสารเคมีที่วางไว้ไกล้เคียงได้ วัตถุกัดกร่อน บางชนิดมีไอระเหยที่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อจมูกและตา ตัวอย่าง เช่น Aluminum bromide (anhydrous), Sulfuric acid, Phosphoric acid, Nitric acid, Sodium hydroxide, Potassium hydroxide, Acetic acid (glacial)
ประเภทที่ 9 วัตถุอันตรายต่างๆที่อยู่นอกเหนือจากทั้ง 8 ประเภทข้างต้น (Misellaneous dangerous substances and articles)หมาย ถึง วัตถุและสิ่งของที่มีความเป็นอันตราย ซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 8 และให้รวมถึงสารที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสในสภาพของเหลว หรือมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 240 องศาเซลเซียสในสภาพของแข็ง เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทชนิด B (UN.2071), Asbestos, Zinc hydrosulfite, PBC เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง : International Maritime Dangerous Goods Code, International Maritime Organization, London, 1996.
: คุณยุวรี ถี่ถ้วน นักวิทยาศาสตร์ 8
วิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายขาเข้าและขาออก
1. การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายขาเข้า
1.1 การท่าเรือฯ แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายตามที่ IMO กำหนดไว้ใน IMDG - Code ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 สินค้าอันตรายที่การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายบริเวณหน้าท่า ณ ท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 2 สินค้าอันตรายร้ายแรง (สินค้าอันตรายประเภท ก) การท่าเรือฯ อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพได้ แต่ต้องนำออกทันที่ที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ
กลุ่มที่ 3 สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ 1 และ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ข) การท่าเรือฯ จะรับฝากเก็บ ณ บริเวณที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด โดยมีระยะเวลาในการฝากเก็บไม่เกิน 5 วันทำการ นับจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย
ประเภทที่ 1 วัตถุระเบิด (Explosives)
เป็น วัตถุที่สามารถระเบิดได้ เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อเกิดการเสียดสี กระทบกระเทือน หรือถูกกระทำโดยตัวจุดระเบิด แยกเป็น 5 ประเภทย่อย คือ
1.1 วัตถุหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.2 วัตถุหรือสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายโดยการกระจายของสะเก็ดระเบิดแต่มิใช่โดยระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.3 วัตถุหรือสิ่งของที่อาจก่ออันตรายโดยเปลวไฟพร้อมกับอันตรายจากการระเบิดบ้างเล็กน้อย แต่มิใช่จากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน
1.4 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ก่ออันตรายมากนักอาจติดไฟได้หรือประทุได้ในระหว่างการขนส่ง
1.5 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ไวต่อการระเบิด จนโอกาสที่จะระเบิดนั้นมีน้อย หรือการเปลี่ยนขั้นจากการลุกไหม้เป็นการจุดระเบิดมีน้อยในขั้นการขนส่งปกติ แต่ถ้ามีการขนส่งเป็นจำนวนมากก็ทำให้การไหม้นั้น นำไปสู่การระเบิดได้
1.6 วัตถุซึ่งไม่ไวเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดอันตรายโดยการระเบิด โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือการกระจายของวัตถุมีน้อยมาก
ตัวอย่าง เช่น ดินปืน, กระสุนปืน, ลูกระเบิด, Nitrocellulose, Liquid Nitroglycerine, Dynamite, Ammonium dichromate, Ammonium nitrate ที่มีส่วนผสมของวัตถุที่เผาไหม้ได้เกิน 0.2% (UN.0222, 0223)
ประเภทที่ 2 ก๊าซ (Gases)
เป็น วัตถุที่อยู่ในสภาพก๊าซอัดภายใต้ความดัน หรือ ก๊าซที่ผสมกับตัวทำละลาย (solvent) ที่อัดภายใต้ความดัน ซึ่งอาจมีคุณสมบัติอื่นที่เป็นอันตรายด้วย เช่น ไวไฟ เป็นก๊าซพิษ เป็นก๊าซที่ช่วยในการเผาไหม้ หรือเป็นก๊าซที่มีฤทธิ์กัดกร่อนบางชนิดเป็นก๊าซเฉื่อย บางชนิดสามารถทำให้ผู้ที่สูดดมเกิดอาการง่วงซึม และบางชนิดเมื่อเผาไหม้จะทำให้เกิดพิษสูงขึ้น ก๊าซทุกชนิดที่หนักกว่าอากาศหากปล่อยให้สะสมอยู่ในบริเวณที่ต่ำจะมีอันตราย สูง เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและขนส่งให้เกิดความปลอดภัย จึงได้มีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ
2.1 ก๊าซไวไฟ (Flammable gases) เป็นก๊าซที่ติดไฟได้ง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ ก๊าซประเภทนี้ได้แก่ Acetylene, Bromotrifluoroethylene, Butadienes, Cychlobuthane, 1.1-Difluoroethylene, Dimethyl ether, Ethane, Ethylamine, Ethyl chloride, Ethyl fluoride, Ethylene, Hydrogen, Methane, Butane เป็นต้น
2.2 ก๊าซไม่ติดไฟไม่เป็นพิษ ภายใต้ความดัน (Non-flammable, Non-toxic gases) เป็นก๊าซที่อาจเกิดการระเบิดได้หากถูกกระแทกอย่างแรง ตัวอย่าง เช่น อากาศภายใต้แรงดัน (Air compressed), Argon, Carbon dioxide, Chlorodifluoromethane, Chloropentafluoroethane, Dichlorodifluoromethane, Ammonia solution ความหนาแน่นน้อยกว่า 0.880 ที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ในน้ำ (35%-50%Ammonia) สำหรับก๊าซออกซิเจน (ชนิด compressed) และก๊าซออกซิเจน (refrigeratedliquid) มีคุณสมบัติที่เป็นวัตถุออกซิไดซ์ด้วย ดังนั้นจึงมีสัญลักษณ์บนฉลากเป็นประเภท 2.2 และ 5.1
2.3 ก๊าซพิษ (Toxic gases) เป็นก๊าซที่เมื่อสูดดม หรือหายใจเข้าไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ก๊าซพิษหลายชนิดมีคุณสมบัติที่เป็นอันตรายได้หลายอย่าง ดังนั้นหีบห่อหรือภาชนะบรรจุจะมีฉลากระบุเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ความเป็น อันตรายรองอื่นๆ เพิ่มเติมไว้ด้วยเช่น คุณสมบัติเป็นก๊าซพิษและกัดกร่อน ก็จะเป็นดังรูปตัวอย่าง
ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (Flammable liquids)
เป็น ของเหลว หรือของเหลวผสมหรือของเหลวที่มีสารแขวนลอยผสมอยู่ เช่น สี แลคเกอร์ วานิช เป็นต้น ของเหลวเหล่านี้จะให้ไอระเหยที่ไวไฟสามารถติดไฟได้ที่อุณหภูมิ 61 องศาเซลเซียส (141° F ) c.c.* หรือที่อุณหภูมิต่ำกว่า แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
3.1 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส (0° F) c.c.* ได้แก่ กาว (Adhesives) ที่มีของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำผสม, Allyl chloride, Amyl nitrate, Hexane, Methyl formate, Chlorobuthanes, Cychlohexene, Diethylamine, Diethyl ether เป็นต้น
3.2 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟปานกลาง ระหว่าง -18 องศาเซลเซียส (0° F) c.c.* ถึง 23 องศาเซลเซียส c.c.* เช่น กาว (Adhesives) ที่มีจุดวาบไฟปานกลางผสม, Acetone oil, Allyl acetate, Allyl alcohol, Allyl bromide, Isobutyl acetate, Benzene, 2-bromobutane เป็นต้น
3.3 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟสูง โดยมีจุดวาบไฟ 23 องศาเซลเซียส (73° F) c.c.* ถึง 61 องศาเซลเซียส (141° F) c.c.* เช่น Bromobenzene, Buthyl acetate, Chlorobenzene, Cyclohexylamine, Styrene monomer, Ethyl alcohol, Solvent, Xylene เป็นต้น
* หมายเหตุ* : c.c.* = CLOSED CUP
ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ สารที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง และสารที่สัมผัสกับน้ำแล้วทำให้เกิดก๊าซไวไฟ (Flammable Solids, Substances Liable to spontaneous combustion, Substances whice in contact with water emit flammable gases) วัตถุที่จัดไว้ในประเภทนี้ เป็นวัตถุที่เป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอัคคีภัยได้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ
4.1 ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids) ของแข็งประเภทนี้ติดไฟได้ง่าย เป็นอันตรายเมื่ออยู่ใกล้กับแหล่งที่ทำให้เกิดการติดไฟ ได้แก่ บริเวณที่มีประกายไฟและเปลวไฟทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ หากมีการเสียดสี ก็สามารถทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เช่น ไม้ขีดไฟ, การบูน (Camphor), Celluloid, ผงกำมะถัน, Phosphorus trisulfide, Hexamethylenetetramine, เศษยาง ชิ้นส่วนเล็กๆ ของยาง ลักษณะเป็นเม็ด หรือผงผงอลูมิเนียม (ชนิดเคลือบ) เป็นต้น
4.2 วัตถุที่อาจจะลุกไหม้ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) เป็นของแข็งที่สามารถให้ความร้อนและลุกไหม้ได้เอง หรือให้ความร้อนสูงเมื่อสัมผัสกับอากาศทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ เช่น Aluminum alkyl, Activated carbon, Carbon black, Potassium hydrosulfite (anhydrous), Sodium sulfide (anhydrous), ผงอลูมิเนียม (ชนิดpyrophoric) เป็นต้น
4.3 วัตถุที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟ (Substances whice in contact with water emit flammablegases) วัตถุนี้เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟในปริมาณที่เป็นอันตราย ในบางกรณีก๊าซนี้สามารถจุดติดไฟได้เอง เช่น โลหะผสม (Alkali-earth metal), Aluminum carbide, Barium, Calcium, Calcium silicide, Phosphorus pentasulphide (ชนิดปราศจากฟอสฟอรัสขาวหรือเหลือง) จะใช้สัญลักษณ์ประเภท 4.3 และ 4.1
หมายเหตุ : วัตถุที่เป็น ชนิด pyrophoric เช่น ของแข็งหรือของเหลวใดๆ ที่สามารถจุดติดไฟได้เองในบรรยากาศที่มีอุณหภูมิประมาณ 54.4 องศาเซลเซียส
ประเภทที่ 5 วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and Organic peroxides) แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ
5.1 วัตถุออกซิไดซ์ (Oxidizing substances) หมายถึงวัตถุที่สามารถให้ออกซิเจนออกมาโดยที่วัตถุนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดการ เผาไหม้หรือเป็นวัตถุที่ทำให้เกิดขบวนการ oxidationในลักษณะที่คล้ายกันทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ต่อวัตถุ อื่นที่วางไว้ใกล้เคียง และมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เช่น Aluminum nitrate, Ammonium nitrate ชนิด A (UN 2067, 2068, 2059, 2070, 2426), ผงฟอกขาว (Bleaching powder), Calcium chlorate, Calcium chloride, Calcium hypochloride (solid), Calcium hypochloride (solution), Chromic nitrate, Chromium nitrate, Hydrogen peroxide solution 8-20%, Sodium nitrate เป็นต้น
วัตถุออกซิไดซ์บางชนิดมีคุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆ ด้วยเช่น Barium chlorate, Barium bromate, Barium nitrate, Chromium trioxide (anhydrous), Lead chlorate, Bromine pentafluoride, Bromine trifluoride
5.2 วัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic peroxides) เป็นวัตถุอินทรีย์ที่มีโครงสร้างออกซิเจน 2 ตัว และอาจถือได้ว่าเป็นอนุพันธ์ของ Hydrogen peroxide ซึ่งอะตอมของ Hydrogen 1 หรือทั้ง 2 อะตอม ถูกแทนที่ด้วย อนุมูลของสารอินทรีย์ วัตถุนี้ไม่เสถียรสามารถสลายตัวให้ความร้อนรวดเร็วได้ด้วยตัวเองและอาจมี คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
- แนวโน้มที่จะระเบิดสลายตัว
- เผาไหม้อย่างรวดเร็ว
- ไวต่อการกระแทก หรือการเสียดสี
- ทำปฏิกิริยากับสารอื่นก่อให้เกิดอันตรายได้
- เป็นอันตรายต่อตา
การที่วัตถุ Organic peroxides มีแนวโน้มที่จะให้ความร้อนออกมาในขณะทีอุณหภูมิในขณะนั้นปกติหรือในขณะที่ ได้รับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้น การสลายตัวสามารถเกิดจากความร้อน การสัมผัสกับสิ่งสกปรก (เช่น มีการเจือปนของกรด, สารประกอบโลหะหนักหรือพวก amine) เกิดจากการเสียดสี หรือการกระแทก การสลายตัวนี้นำไปสู่อันตราย หรือการไวไฟมีก๊าซหรือไอระเหยต่างๆ ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมในขณะขนส่ง การทำให้เจือจางด้วยตัวทำละลายที่เหมาะสม ตลอดจนควบคุมในเรื่องบรรจุภัณฑ์หีบห่อที่เหมาะสมอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้วัตถุนี้สัมผัสถูกตา เนื่องจากบางชนิดจะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อแก้วตา และกัดเนื้อเยื่อตาและผิวหนังได้
ตัวอย่างวัตถุประเภทนี้ได้แก่ Methyl Ethyl Ketone Peroxide, Cyclohexanone Peroxide, Methyl Isobutyl Ketone Peroxide, Asenyl acetone Peroxide เป็นต้น
ประเภทที่ 6 วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (Toxic and Infectious Substances)
แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ
6.1 วัตถุมีพิษ (Toxic Sustances) วัตถุเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตหรือทำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงเมื่อ เข้าสู่ร่างกายโดยสัมผัสกับผิวหนัง หรือหายใจ หรือกลืนกินเข้าไป วัตถุมีพิษเกือบทุกชนิดจะให้ก๊าซพิษ เมื่อถูกเผาไหม้หรือได้รับความร้อนก็เกิดการสลายตัวและบางชนิดนั้นนอกจากจะ มีพิษแล้ว ยังมีคุณสมบัติ ที่เป็นอันตรายอื่นๆอีกด้วย ตัวอย่าง Arsenic, Arsenic trioxide, Arsenic trichloride, Arsenic tribromide, Barium cyanide, Chloronitrobenzene, Potassium cyanide, Dichloromethane, Barium chloride, Copper cyanide, Sodium cyanide, Sodiumsilicofluoride, Aniline
6.2 วัตถุติดเชื้อ (Infectious Substances ) เป็นวัตถุที่มีเชื้อจุลินทรีย์ (Micro organism) อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์และสัตว์ โดยมีข้อสังเกต 2 ประการคือ
ประการ ที่ 1 จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมแล้วไม่เป็นไปตามคำ จำกัดความของวัตถุประเภท 6.2 ควรจะจัดให้อยู่ในประเภทที่ 9
ประการที่ 2 พิษของจุลินทรีย์ (Toxins) ที่ไม่เป็น หรือมีสารติดเชื้อควรพิจารณาให้อยู่ในประเภท 6.1 กำหนดตาม UN. 3172 ซึ่งเป็น Toxin ที่สกัดจากสิ่งมีชีวิต
ประเภทที่ 7 วัตถุกัมมันตรังสี (Radioactive material)
หมาย ถึง วัตถุที่สลายตัวแล้วให้รังสีออกมามากกว่า 0.002 ไมโครคิวรีต่อ น้ำหนักของวัตถุนั้น 1 กรัม หรือ 70 k Bq/kg. รังสีนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเราสามารถรับรังสีได้ทั้งภายในและภายนอกร่าง กาย เช่น เมื่ออยู่ในบริเวณที่ใกล้วัตถุกัมมันตรังสีและได้สัมผัสกับรังสีที่ออกมา หรือการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนของสารรังสีเข้าไป คุณสมบัติของวัตถุกัมมันตรังสีมี 2 ลักษณะ คือ
- ให้ความร้อนและทำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรง
- สามารถแตกตัวให้ไอโซโทป เช่น พลูโตเนียม-238, พลูโตเนียม-239, พลูโตเนียม-241, ยูเรเนียม-233, ยูเรเนียม-235 หรือวัตถุใดๆที่มีสารไอโซโทปเหล่านี้อยู่ จัดเป็นวัตถุกัมมันตรังสี เช่น เรเดียม, ยูเรเนียม เป็นต้น
ประเภทที่ 8 วัตถุกัดกร่อน (Corrosives Substances)
เป็น วัตถุที่มีคุณสมบัติโดยทั่วไปแล้วสามารถทำลายเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตได้ ทั้งที่ให้ความรุนแรงและไม่มีความรุนแรง ดังนั้นวัตถุในประเภท 8 หากรั่วไหลออกจากภาชนะบรรจุ อาจทำลายสินค้าหรือสารเคมีที่วางไว้ไกล้เคียงได้ วัตถุกัดกร่อน บางชนิดมีไอระเหยที่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อจมูกและตา ตัวอย่าง เช่น Aluminum bromide (anhydrous), Sulfuric acid, Phosphoric acid, Nitric acid, Sodium hydroxide, Potassium hydroxide, Acetic acid (glacial)
ประเภทที่ 9 วัตถุอันตรายต่างๆที่อยู่นอกเหนือจากทั้ง 8 ประเภทข้างต้น (Misellaneous dangerous substances and articles)หมาย ถึง วัตถุและสิ่งของที่มีความเป็นอันตราย ซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 8 และให้รวมถึงสารที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสในสภาพของเหลว หรือมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 240 องศาเซลเซียสในสภาพของแข็ง เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทชนิด B (UN.2071), Asbestos, Zinc hydrosulfite, PBC เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง : International Maritime Dangerous Goods Code, International Maritime Organization, London, 1996.
: คุณยุวรี ถี่ถ้วน นักวิทยาศาสตร์ 8
วิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายขาเข้าและขาออก
1. การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายขาเข้า
1.1 การท่าเรือฯ แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายตามที่ IMO กำหนดไว้ใน IMDG - Code ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 สินค้าอันตรายที่การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายบริเวณหน้าท่า ณ ท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 2 สินค้าอันตรายร้ายแรง (สินค้าอันตรายประเภท ก) การท่าเรือฯ อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพได้ แต่ต้องนำออกทันที่ที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ
กลุ่มที่ 3 สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ 1 และ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ข) การท่าเรือฯ จะรับฝากเก็บ ณ บริเวณที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด โดยมีระยะเวลาในการฝากเก็บไม่เกิน 5 วันทำการ นับจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย
ตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ
ประเภท CLASS or SUBCLASS | กลุ่มสินค้าอันตราย | หมายเหตุ | ||
กลุ่มที่ 1 | กลุ่มที่ 2 | กลุ่มที่ 3 | ||
1. วัตถุระเบิด | ![]() | |||
2.1 ก๊าซไวไฟ 2.2 ก๊าซอัด 2.3 ก๊าซพิษ | ![]() ![]() | ![]() | ||
3. ของเหลวไวไฟ | ![]() | ![]() | (*) เป็นของเหลวไวไฟที่มีคุณสมบัติดังนี้ 1. เป็นพิษ 2. จุดวาบไฟต่ำกว่า 10°C | |
4.1 ของแข็งไวไฟ 4.2 สารที่ลุกไหม้ได้เอง 4.3 สารที่เมื่อเปียกน้ำจะเกิดก๊าซไวไฟ | ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() | (**) มีคุณสมบัติดังนี้ 1. ของแข็งที่ทำปฏิกิริยาได้เอง ประเภท B และ C (Self-reactive Solid type B and C) 2. ของเหลวที่ทำปฏิกิริยาได้เอง ประเภท B และ C (Self-reactive Liquid type B and C) 3. ของแข็งที่ทำปฏิกิริยาได้เอง ประเภท B และ C ต้องควบคุมอุณหภูมิ (Self-reactive Solid type B and C, temperature Controlled) 4. ของเหลวที่ทำปฏิกิริยาได้เอง ประเภท B และ C ต้องควบคุมอุณหภูมิ (Self-reactive Liquid type B and C, temperature Controlled) 5. เป็นพิษ 6. IMO กำหนดให้บรรจุในภาชนะบรรจุที่ 1(Packaging group I) (***) มีคุณสมบัติดังนี้ 1. เป็นพิษ 2. เมื่อเปียกน้ำจะเกิดก๊าซไวไฟ 3. IMO กำหนดให้บรรจุในภาชนะบรรจุที่ 1(Packaging group I) | |
5.1 สารอ็อกซิไดซ์ 5.2 สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ | ![]() ![]() | |||
6.1 สารพิษ 6.2 สารแพร่เชื้อ | ![]() ![]() | ![]() | (****) เป็นสารพิษที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ | |
7. สารกัมมันตรังสี | ![]() | |||
8. สารกัดกร่อน | ![]() | ![]() | (*****) มีคุณสมบัติดังนี้ 1. เป็นพิษและติดไฟได้ 2. เมื่อเปียกน้ำจะเกิดก๊าซไวไฟ 3. เป็นตัวเติมออกซิเจน | |
9. สารอันตรายเบ็ดเตล็ด และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม | ![]() |
อ้างอิงตารางจาก : http://www1.port.co.th/announcement/attach/DG-LCP.html
สินค้า อันตรายทุกประเภทที่มีความเสี่ยงรอง (Secondary Risk) ตามกลุ่มที่ 1 และ 2 ให้ถือว่าเป็นสินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
1.2 เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือฯ ยื่นแบบรายการสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Declaration) ซึ่งสำแดงรายการสินค้าอันตรายตามที่กำหนดไว้ในหนังสือ International Maritime Dangerous Goods Code (IMDG - Code) ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่า 9 ชั่วโมง ข้อมูลในแบบรายการสินค้าอันตรายประกอบด้วย ชื่อทางเคมี (Chemical Name) หรือชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง (Proper Shipping Name) หมายเลขสหประชาชาติ (UN Number) ประเภทของสินค้าอันตราย (Class) พร้อมรายละเอียดอื่นๆ ตามตัวอย่างแนบ และต้องมีข้อความ "ขอรับรองว่ารายการสินค้าอันตรายดังกล่าวนี้แจ้งชื่อ ประเภท UN Number ถูกต้อง และบรรจุในภาชนะที่ได้มาตรฐานพร้อมติดฉลากตามที่ IMDG - Code กำหนดทุกประการ" พร้อมทั้งเซ็นชื่อกำกับในเอกสารนั้น และแนบเอกสาร Material Safety Data Sheet หรือเอกสารกำกับการขนส่งสินค้าอันตรายอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลตามต้องการ ของรายการสินค้าอันตรายแต่ละรายการไปด้วย
1.3 สินค้าอันตรายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพได้ โดยให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 2
1.4 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
1.4.1 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่ดำเนินพิธีการทางศุลกากร และชำระค่าภาระต่างๆ แก่การท่าเรือฯ เรียบร้อยแล้ว แต่รถบรรทุกยังไม่สามารถนำสินค้าออกนอกเขตการท่าเรือฯ ได้ การท่าเรือฯ อนุญาตให้นำรถไปจอดไว้ในพื้นที่ที่กำหนด จนกว่าจะนำออกไปได้
1.4.2 สินค้าอันตรายประเภท ก (ที่เป็นสินค้าผ่านแดน) อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ โดยนำสินค้าไปฝากเก็บ ณ คลังสินค้าอันตราย
1.4.3 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.4 ภาชนะบรรจุเปล่า ที่เคยบรรจุสินค้าอันตรายประเภท ก อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.5 สินค้าอันตรายประเภท ก ดังต่อไปนี้
- Aerosols Class 2 UNNO 1950
- Receptacles, small, containing gas Class 2 UNNO2037
ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 3 เนื่องจากเป็นภาชนะบรรจุก๊าซขนาดเล็ก
1.4.6 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.7 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่มีปริมาณน้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.5 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
1.5.1 สินค้าอันตรายประเภท ข ที่บรรทุกมากับเรือสินค้าทั่วไป ไม่ได้บรรจุในตู้สินค้าและมีปริมาณมากกว่า 20,000 กิโลกรัม ต้องขอทำพิธีการขนถ่ายข้างลำ (Overside) หากมีปริมาณน้อยกว่า 20,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ฝากเก็บ ณ คลังสินค้าอันตรายได้
1.5.2 สินค้าอันตรายประเภท ข ที่ห้ามเปิดตู้สินค้าเพื่อส่งมอบสินค้าหน้าตู้ ได้แก่
- Asbestos
- Carbon black
- Paraformaldehyde
- สินค้าอันตรายประเภท ข เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า 30 TEUs (Twenty feet Equivalent Unit)
1.5.3 สินค้าอันตรายประเภท ข หากเจ้าของเรือตัวแทนเจ้าของสินค้าเพิกเฉยหรือละเลย โดยไม่นำออกจากการท่าเรือฯ ภายในกำหนด 5 วัน นับถัดจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย การท่าเรือฯ อาจใช้สิทธิตามข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้ประกอบการโรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อย ของขาเข้า และบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตทำเนียบท่าเรือ (รพท. หรือ Inland Container Depot - ICD) โดยให้ผู้ประกอบการ รพท. รับช่วงนำสินค้าอันตรายออกจากท่าเรือกรุงเทพ โดยเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าต้องรับมอบสินค้า พร้อมทั้งชำระค่าภาระ ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้ประกอบการ รพท. ทั้งหมด
1.6 สินค้าอันตรายขาเข้าที่เป็น waste จะต้องระบุว่า "waste" ในแบบรายการสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Declaration)
1.2 เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือฯ ยื่นแบบรายการสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Declaration) ซึ่งสำแดงรายการสินค้าอันตรายตามที่กำหนดไว้ในหนังสือ International Maritime Dangerous Goods Code (IMDG - Code) ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่า 9 ชั่วโมง ข้อมูลในแบบรายการสินค้าอันตรายประกอบด้วย ชื่อทางเคมี (Chemical Name) หรือชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง (Proper Shipping Name) หมายเลขสหประชาชาติ (UN Number) ประเภทของสินค้าอันตราย (Class) พร้อมรายละเอียดอื่นๆ ตามตัวอย่างแนบ และต้องมีข้อความ "ขอรับรองว่ารายการสินค้าอันตรายดังกล่าวนี้แจ้งชื่อ ประเภท UN Number ถูกต้อง และบรรจุในภาชนะที่ได้มาตรฐานพร้อมติดฉลากตามที่ IMDG - Code กำหนดทุกประการ" พร้อมทั้งเซ็นชื่อกำกับในเอกสารนั้น และแนบเอกสาร Material Safety Data Sheet หรือเอกสารกำกับการขนส่งสินค้าอันตรายอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลตามต้องการ ของรายการสินค้าอันตรายแต่ละรายการไปด้วย
1.3 สินค้าอันตรายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพได้ โดยให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 2
1.4 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
1.4.1 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่ดำเนินพิธีการทางศุลกากร และชำระค่าภาระต่างๆ แก่การท่าเรือฯ เรียบร้อยแล้ว แต่รถบรรทุกยังไม่สามารถนำสินค้าออกนอกเขตการท่าเรือฯ ได้ การท่าเรือฯ อนุญาตให้นำรถไปจอดไว้ในพื้นที่ที่กำหนด จนกว่าจะนำออกไปได้
1.4.2 สินค้าอันตรายประเภท ก (ที่เป็นสินค้าผ่านแดน) อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ โดยนำสินค้าไปฝากเก็บ ณ คลังสินค้าอันตราย
1.4.3 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.4 ภาชนะบรรจุเปล่า ที่เคยบรรจุสินค้าอันตรายประเภท ก อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.5 สินค้าอันตรายประเภท ก ดังต่อไปนี้
- Aerosols Class 2 UNNO 1950
- Receptacles, small, containing gas Class 2 UNNO2037
ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 3 เนื่องจากเป็นภาชนะบรรจุก๊าซขนาดเล็ก
1.4.6 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.4.7 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่มีปริมาณน้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ทำการขนถ่ายได้ และฝากเก็บ ณ พื้นที่ที่กำหนด
1.5 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
1.5.1 สินค้าอันตรายประเภท ข ที่บรรทุกมากับเรือสินค้าทั่วไป ไม่ได้บรรจุในตู้สินค้าและมีปริมาณมากกว่า 20,000 กิโลกรัม ต้องขอทำพิธีการขนถ่ายข้างลำ (Overside) หากมีปริมาณน้อยกว่า 20,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ฝากเก็บ ณ คลังสินค้าอันตรายได้
1.5.2 สินค้าอันตรายประเภท ข ที่ห้ามเปิดตู้สินค้าเพื่อส่งมอบสินค้าหน้าตู้ ได้แก่
- Asbestos
- Carbon black
- Paraformaldehyde
- สินค้าอันตรายประเภท ข เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า 30 TEUs (Twenty feet Equivalent Unit)
1.5.3 สินค้าอันตรายประเภท ข หากเจ้าของเรือตัวแทนเจ้าของสินค้าเพิกเฉยหรือละเลย โดยไม่นำออกจากการท่าเรือฯ ภายในกำหนด 5 วัน นับถัดจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย การท่าเรือฯ อาจใช้สิทธิตามข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้ประกอบการโรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อย ของขาเข้า และบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตทำเนียบท่าเรือ (รพท. หรือ Inland Container Depot - ICD) โดยให้ผู้ประกอบการ รพท. รับช่วงนำสินค้าอันตรายออกจากท่าเรือกรุงเทพ โดยเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าต้องรับมอบสินค้า พร้อมทั้งชำระค่าภาระ ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้ประกอบการ รพท. ทั้งหมด
1.6 สินค้าอันตรายขาเข้าที่เป็น waste จะต้องระบุว่า "waste" ในแบบรายการสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Declaration)
2. การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายขาออก
2.1 การท่าเรือฯ แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายออกเป็น 3 กลุ่ม เช่นเดียวกับสินค้าอันตรายขาเข้า
กลุ่มที่ 1 สินค้าอันตรายที่การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายบริเวณหน้าท่า ณ ท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 2 สินค้าอันตรายร้ายแรง (สินค้าอันตรายประเภท ก) การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้ว ต้องบรรทุกลงเรือโดยตรง ไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 3 สินค้าอันตรายนอกเหนือจากกลุ่มที่ 1 และ 2 การท่าเรือฯ อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพไม่เกิน 5 วันทำการ ก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.2 การยื่นเอกสารสินค้าอันตรายขาออก
2.2.1 สินค้าอันตรายที่ขอบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าต้องยื่นสำเนาใบขนสินค้าขาออก พร้อมหมายเลขตู้สินค้าที่ต้องการบรรจุสินค้าอันตราย ชื่อทางเคมี (Chemical Name) หรือชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง (Proper Shipping Name) หมายเลขสหประชาชาติ (UN Number), ประเภทสินค้าอันตราย (Class) พร้อมรายละเอียดอื่นๆ เช่นเดียวกับสินค้าอันตรายขาเข้า พร้อมทั้งแนบ Material Safety Data Sheet หรือเอกสารกำกับการขนส่งสินค้าอันตรายอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลตามต้องการ ณ แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ ล่วงหน้า 9 ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าอันตรายเข้ามาในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพเพื่อบรรจุตู้สินค้า
2.2.2 สินค้าอันตรายที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอก เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้ายื่นเอกสารเช่นเดียวกับข้อ 2.2.1 และเพิ่มเอกสารแบบ ทกท.308.2
2.2.3 ตู้แทงค์ (Tank Container) ที่บรรจุสินค้าอันตรายแล้ว และมีความประสงค์จะทำการส่งตู้แทงค์เปล่าเป็นตู้สินค้าขาออก ต้องนำเอกสารมายื่นที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ เช่นเดียวกับข้อ 2.2.2
2.3 สินค้าอันตรายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรทุกลงเรือบริเวณหน้าท่า ท่าเรือกรุงเทพ แต่ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้ว ต้องบรรทุกลงเรือโดยทันที ไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
2.4 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
2.4.1 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.2 ภาชนะเปล่าที่เคยบรรจุสินค้าอันตรายประเภท ก อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.3 สินค้าอันตรายประเภท ก ดังต่อไปนี้
- Aerosols Class 2 UNNO 1950
- Receptacles, small, containing gas Class 2 UNNO2037
ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 3 เนื่องจากเป็นภาชนะบรรจุก๊าซขนาดเล็ก
2.4.4 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.5 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่มีปริมาณน้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.5 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 3 (สินค้าอันตรายประเภท ข) สินค้าอันตรายที่ห้ามทำการบรรจุตู้สินค้า ณ แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า ได้แก่
- Asbestos
- Carbon black
- Paraformaldehyde
- สินค้าอันตรายประเภท ข เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า 30 TEUs (Twenty feet Equivalent Unit)
2.6 สินค้าอันตรายขาออกที่เป็น waste จะต้องระบุว่า "waste" ในสำเนาใบขนสินค้าขาออก
2.1 การท่าเรือฯ แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายออกเป็น 3 กลุ่ม เช่นเดียวกับสินค้าอันตรายขาเข้า
กลุ่มที่ 1 สินค้าอันตรายที่การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายบริเวณหน้าท่า ณ ท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 2 สินค้าอันตรายร้ายแรง (สินค้าอันตรายประเภท ก) การท่าเรือฯ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้ว ต้องบรรทุกลงเรือโดยตรง ไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
กลุ่ม ที่ 3 สินค้าอันตรายนอกเหนือจากกลุ่มที่ 1 และ 2 การท่าเรือฯ อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพไม่เกิน 5 วันทำการ ก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.2 การยื่นเอกสารสินค้าอันตรายขาออก
2.2.1 สินค้าอันตรายที่ขอบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าต้องยื่นสำเนาใบขนสินค้าขาออก พร้อมหมายเลขตู้สินค้าที่ต้องการบรรจุสินค้าอันตราย ชื่อทางเคมี (Chemical Name) หรือชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง (Proper Shipping Name) หมายเลขสหประชาชาติ (UN Number), ประเภทสินค้าอันตราย (Class) พร้อมรายละเอียดอื่นๆ เช่นเดียวกับสินค้าอันตรายขาเข้า พร้อมทั้งแนบ Material Safety Data Sheet หรือเอกสารกำกับการขนส่งสินค้าอันตรายอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลตามต้องการ ณ แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ ล่วงหน้า 9 ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าอันตรายเข้ามาในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพเพื่อบรรจุตู้สินค้า
2.2.2 สินค้าอันตรายที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอก เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้ายื่นเอกสารเช่นเดียวกับข้อ 2.2.1 และเพิ่มเอกสารแบบ ทกท.308.2
2.2.3 ตู้แทงค์ (Tank Container) ที่บรรจุสินค้าอันตรายแล้ว และมีความประสงค์จะทำการส่งตู้แทงค์เปล่าเป็นตู้สินค้าขาออก ต้องนำเอกสารมายื่นที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือกรุงเทพ เช่นเดียวกับข้อ 2.2.2
2.3 สินค้าอันตรายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรทุกลงเรือบริเวณหน้าท่า ท่าเรือกรุงเทพ แต่ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้ว ต้องบรรทุกลงเรือโดยทันที ไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
2.4 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 2 (สินค้าอันตรายประเภท ก)
2.4.1 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้า ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.2 ภาชนะเปล่าที่เคยบรรจุสินค้าอันตรายประเภท ก อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.3 สินค้าอันตรายประเภท ก ดังต่อไปนี้
- Aerosols Class 2 UNNO 1950
- Receptacles, small, containing gas Class 2 UNNO2037
ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายกลุ่มที่ 3 เนื่องจากเป็นภาชนะบรรจุก๊าซขนาดเล็ก
2.4.4 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.4.5 สินค้าอันตรายประเภท ก ที่มีปริมาณน้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และฝากเก็บไว้ ณ พื้นที่ที่กำหนดได้ไม่เกิน 5 วันทำการก่อนการบรรทุกลงเรือ
2.5 สินค้าอันตรายร้ายแรงกลุ่มที่ 3 (สินค้าอันตรายประเภท ข) สินค้าอันตรายที่ห้ามทำการบรรจุตู้สินค้า ณ แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า ได้แก่
- Asbestos
- Carbon black
- Paraformaldehyde
- สินค้าอันตรายประเภท ข เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า 30 TEUs (Twenty feet Equivalent Unit)
2.6 สินค้าอันตรายขาออกที่เป็น waste จะต้องระบุว่า "waste" ในสำเนาใบขนสินค้าขาออก
3. ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย
3.1 ในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย หัวหน้าผู้ชำนาญงาน (Foreman) ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรความปลอดภัยในการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าอันตราย ต้องทำการควบคุมการบรรทุกและขนถ่ายอย่างเข้มงวด รัดกุม ปลอดภัย ตามที่การท่าเรือฯ กำหนดไว้
3.2 การบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องถูกต้องตามระเบียบการบรรทุกและขนถ่าย สินค้าอันตรายของการท่าเรือฯ รวมทั้งกฎเกณฑ์ข้อบังคับระหว่่างประเทศด้วย
3.3 ให้ตัวแทนเรือนำแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือมาติดไว้บริเวณ ช่องทางขึ้นบนเรือ ก่อนการปฏิบัติงานบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายทุกครั้ง
3.4 ห้ามทำการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเรือสินค้า ขณะทำการบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตราย
3.5 ผู้ทำงานเกี่ยวกับสินค้าอันตรายภายในเขตการท่าเรือฯ จะต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามประเภทของสินค้าอันตรายใน การปฏิบัติงานทุกครั้ง
3.6 การจัดเก็บสินค้าอันตรายต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบในการเก็บรักษาสินค้าอันตรายอย่างเคร่งครัด
3.7 ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้าอันตราย ต้องได้มาตรฐานตามที่ IMDG-Code กำหนดไว้ และต้องปิดฉลากสินค้าอันตรายบนภาชนะหรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายให้ ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการบรรจุสินค้าอันตรายเต็มตู้สินค้าหรือปนกับสินค้าทั่วไป โดยยึดหลักการจัดแบ่งประเภทของสินค้าอันตรายตาม IMDG-Code
3.8 ห้ามมิให้เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือฯ ทำการอบยาตู้สินค้าเปล่าเพื่อฆ่าเชื้อ ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ ยกเว้นตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าเกษตรอนุญาตให้อบยาฆ่าเชื้อได้บริเวณ แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และต้องปิดฉลากแสดงให้รู้ว่าเป็นตู้สินค้าอบยา แล้วนำไปวางที่ท่าบริการตู้สินค้า 1 และ 2
3.9 สินค้าประเภทเครื่องสำอางสำเร็จรูปและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทาง IMO กำหนดให้เป็นสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ อนุญาตให้ฝากเก็บที่โรงพักสินค้าพิธีการได้
3.10 สินค้าที่ IMO ไม่จัดว่าเป็นสินค้าอันตราย แต่การท่าเรือฯ ไม่รับฝากเก็บภายในโรงพักสินค้า ต้องฝากเก็บในตู้สินค้าเท่านั้น คือ
3.10.1 สินค้าประเภทของเสีย (Waste) สินค้าประเภทเปรอะเปื้อน และสินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น
3.10.2 สินค้าเคมีที่มีค่าความเข้มข้นของสารเกินค่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม (สารเคมี) ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2520 ในกรณีที่สินค้านั้นจะทำการขนถ่ายข้างลำ (Overside) ให้ทำการขนถ่ายข้างลำได้เฉพาะนอกเวลางานปกติเท่านั้น
3.10.3 ในการขนส่งสินค้าอันตราย จะต้องทำการผูกยึดสินค้าอันตรายบนรถบรรทุกให้แน่นหนา ก่อนขนส่งออกจากการท่าเรือฯ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่ง
4. การดำเนินการกรณีไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ
4.1 สินค้าอันตรายขาเข้า กรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ ในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย อันอาจให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ การท่าเรือฯ จะดำเนินการดังต่อไปนี้
4.1.1 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย หรือแจ้งไม่ครบตามที่ระบุไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่การท่าเรือฯ กำหนด การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ 1 ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ
4.1.2 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่แจ้งในบัญชีสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อ 1 ใบตราส่งสินค้า โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า
4.1.3 ตู้สินค้าบรรจุสินค้าอันตราย ที่ไม่ติดฉลากสินค้าอันตราย ติดฉลากสินค้าอันตรายอยู่แล้ว แต่ฉีกออก หรือนำสินค้าอันตรายออกจากตู้สินค้าแล้ว ไม่ฉีกฉลากออกจากตู้สินค้า การท่าเรือฯ จะเป็นผู้ติดฉลากสินค้าอันตราย หรือทำการลอกฉลากออกให้ แต่จะเรียกเก็บค่าปรับจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ดังนี้
- กรณีติดฉลากสินค้าอันตราย ค่าปรับฉลากละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
- กรณีทำการลอกฉลากสินค้าอันตราย ค่าปรับตู้ละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
4.1.4 ในกรณีที่ความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อการท่าเรือฯ หรือผู้อื่นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น และการท่าเรือฯ อาจพิจารณางดการให้บริการต่อไปด้วย
4.2 สินค้าอันตรายขาออก กรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ ในการดำเนินการเกี่ยวกกับสินค้าอันตราย อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ การท่าเรือฯ จะดำเนินการดังต่อไปนี้
4.2.1 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือละเลยไม่ยื่นเอกสาร หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่การท่าเรือฯ กำหนด การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อสินค้าอันตราย 1 รายการ
4.2.2 ตู้สินค้าบรรจุสินค้าอันตราย หากตรวจพบว่าไม่ติดฉลากสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ จะเป็นผู้ติดฉลากสินค้าอันตราย แต่จะเรียกเก็บค่าปรับจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าในอัตราฉลากละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
4.2.3 ในกรณีที่ความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อการท่าเรือฯ หรือผู้อื่นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น และการท่าเรือฯ อาจพิจารณางดการให้บริการต่อไปด้วย
3.1 ในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย หัวหน้าผู้ชำนาญงาน (Foreman) ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรความปลอดภัยในการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าอันตราย ต้องทำการควบคุมการบรรทุกและขนถ่ายอย่างเข้มงวด รัดกุม ปลอดภัย ตามที่การท่าเรือฯ กำหนดไว้
3.2 การบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องถูกต้องตามระเบียบการบรรทุกและขนถ่าย สินค้าอันตรายของการท่าเรือฯ รวมทั้งกฎเกณฑ์ข้อบังคับระหว่่างประเทศด้วย
3.3 ให้ตัวแทนเรือนำแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือมาติดไว้บริเวณ ช่องทางขึ้นบนเรือ ก่อนการปฏิบัติงานบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายทุกครั้ง
3.4 ห้ามทำการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเรือสินค้า ขณะทำการบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตราย
3.5 ผู้ทำงานเกี่ยวกับสินค้าอันตรายภายในเขตการท่าเรือฯ จะต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามประเภทของสินค้าอันตรายใน การปฏิบัติงานทุกครั้ง
3.6 การจัดเก็บสินค้าอันตรายต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบในการเก็บรักษาสินค้าอันตรายอย่างเคร่งครัด
3.7 ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้าอันตราย ต้องได้มาตรฐานตามที่ IMDG-Code กำหนดไว้ และต้องปิดฉลากสินค้าอันตรายบนภาชนะหรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายให้ ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการบรรจุสินค้าอันตรายเต็มตู้สินค้าหรือปนกับสินค้าทั่วไป โดยยึดหลักการจัดแบ่งประเภทของสินค้าอันตรายตาม IMDG-Code
3.8 ห้ามมิให้เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือฯ ทำการอบยาตู้สินค้าเปล่าเพื่อฆ่าเชื้อ ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ ยกเว้นตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าเกษตรอนุญาตให้อบยาฆ่าเชื้อได้บริเวณ แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และต้องปิดฉลากแสดงให้รู้ว่าเป็นตู้สินค้าอบยา แล้วนำไปวางที่ท่าบริการตู้สินค้า 1 และ 2
3.9 สินค้าประเภทเครื่องสำอางสำเร็จรูปและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทาง IMO กำหนดให้เป็นสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ อนุญาตให้ฝากเก็บที่โรงพักสินค้าพิธีการได้
3.10 สินค้าที่ IMO ไม่จัดว่าเป็นสินค้าอันตราย แต่การท่าเรือฯ ไม่รับฝากเก็บภายในโรงพักสินค้า ต้องฝากเก็บในตู้สินค้าเท่านั้น คือ
3.10.1 สินค้าประเภทของเสีย (Waste) สินค้าประเภทเปรอะเปื้อน และสินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น
3.10.2 สินค้าเคมีที่มีค่าความเข้มข้นของสารเกินค่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม (สารเคมี) ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2520 ในกรณีที่สินค้านั้นจะทำการขนถ่ายข้างลำ (Overside) ให้ทำการขนถ่ายข้างลำได้เฉพาะนอกเวลางานปกติเท่านั้น
3.10.3 ในการขนส่งสินค้าอันตราย จะต้องทำการผูกยึดสินค้าอันตรายบนรถบรรทุกให้แน่นหนา ก่อนขนส่งออกจากการท่าเรือฯ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่ง
4. การดำเนินการกรณีไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ
4.1 สินค้าอันตรายขาเข้า กรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ ในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย อันอาจให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ การท่าเรือฯ จะดำเนินการดังต่อไปนี้
4.1.1 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย หรือแจ้งไม่ครบตามที่ระบุไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่การท่าเรือฯ กำหนด การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ 1 ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ
4.1.2 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่แจ้งในบัญชีสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อ 1 ใบตราส่งสินค้า โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า
4.1.3 ตู้สินค้าบรรจุสินค้าอันตราย ที่ไม่ติดฉลากสินค้าอันตราย ติดฉลากสินค้าอันตรายอยู่แล้ว แต่ฉีกออก หรือนำสินค้าอันตรายออกจากตู้สินค้าแล้ว ไม่ฉีกฉลากออกจากตู้สินค้า การท่าเรือฯ จะเป็นผู้ติดฉลากสินค้าอันตราย หรือทำการลอกฉลากออกให้ แต่จะเรียกเก็บค่าปรับจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ดังนี้
- กรณีติดฉลากสินค้าอันตราย ค่าปรับฉลากละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
- กรณีทำการลอกฉลากสินค้าอันตราย ค่าปรับตู้ละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
4.1.4 ในกรณีที่ความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อการท่าเรือฯ หรือผู้อื่นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น และการท่าเรือฯ อาจพิจารณางดการให้บริการต่อไปด้วย
4.2 สินค้าอันตรายขาออก กรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ ในการดำเนินการเกี่ยวกกับสินค้าอันตราย อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้ การท่าเรือฯ จะดำเนินการดังต่อไปนี้
4.2.1 หากตรวจพบว่า เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือละเลยไม่ยื่นเอกสาร หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่การท่าเรือฯ กำหนด การท่าเรือฯ จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อสินค้าอันตราย 1 รายการ
4.2.2 ตู้สินค้าบรรจุสินค้าอันตราย หากตรวจพบว่าไม่ติดฉลากสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ จะเป็นผู้ติดฉลากสินค้าอันตราย แต่จะเรียกเก็บค่าปรับจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าในอัตราฉลากละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
4.2.3 ในกรณีที่ความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่ปฏิบัติตามประกาศการท่าเรือฯ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อการท่าเรือฯ หรือผู้อื่นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น และการท่าเรือฯ อาจพิจารณางดการให้บริการต่อไปด้วย
Slot Machines for Sale in Atlanta - DrmCD
ReplyDeleteBuy online 부천 출장안마 Slot Machines and browse slot machines for sale in Atlanta. 안양 출장마사지 View our latest listings. 부천 출장안마 · Slot 목포 출장샵 Machine Deals. Pickup. 이천 출장안마 Shop. Slot Machine Deal.